ของคนเราได้ในระดับหนึ่งว่าเรามีปมด้อยอะไร เรามีสภาพแวดล้อมอย่างไร เรากำลังไขว่คว้า หาสิ่งที่เรารู้ว่า เราไม่มีทางเอื้อมไปถึง แต่มันก็ไม่ผิด ที่เราจะสร้างจินตนาการให้กับตัวเองเพื่อชดเชยกับสิ่งที่เรารู้ว่า มันไม่มีทางเป็นจริงไปได้ นั่นแหละที่เค้าบอกว่า โลกแห่งความฝัน เราทุกคนจะต้องมี ฮีโร่ประจำใจเสมอ เราจะพยายามเลียนแบบ ไม่ว่าจะเป็นออกมาในรูปแบบที่เรารู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แล้วมันจะฝังติดตัวเราไปตลอด จะโชคดีมากถ้า ฮีโร่ในดวงใจของเรานั้นเป็นแม่แบบที่ดี เราก็อาจจะแสดงออกไปในทางดี ถ้าฮีโร่ของเราไม่สู้จะดี พฤติกรรมเรา ก็อาจจะพลอยหลงไปในทางที่มิชอบ.... ผมขอเล่าเรื่องฮีโร่ คนหนึ่งในช่วงชีวิตของผม ตั้งแต่เรียนอยู่สมัยมัธยมต้น พี่ชายคนนี้ ผมเรียกว่าพี่เกื้อกูล อยู่ที่โรงเรียนประจำจังหวัด เบ็ญจะมะมหาราช อุบลราชธานี พี่เกื้อกูล เป็นรุ่นพี่ผมสัก 2-3 ปี เห็นจะได้ พี่เกื้อกูลเป็นนักกีฬายิมนาสติก ที่เก่งมาก ผมเคยไปให้พี่เกื้อกูล ฝึกให้ แต่ก็ไปได้ไม่ไกล เพราะสรีระไม่อำนวย ครั้งกระนู้น จังหวัดอุบลฯ มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดแข่งกีฬาเขตครั้งที่ 12 (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นกีฬาแห่งชาติ) พี่เกื้อกูลได้เป็น ดรัมเมเยอร์ ควงคฑา นำหน้าวงโยธวาทิตที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรมากของภาคอีสาน ในเวลานั้น ผมอยากมีส่วนร่วมในวงโยธวาธิตมาก แต่ด้วยสรีระสะโอดสะอง ตัวเล็กนิดเดียว ยังเป็นเพียง เด็กชายแซน อยากเป่าแซกโซโฟนก็เป่าไม่ได้ ทุกเย็นผมจะไปนั่งดูเค้าซ้อมสวนสนาม ดูพี่เกื้อกูล ควงคฑา ตีลังกาหน้าหลัง โยนคฑาขึ้นไปสูงลิบลิ้วบนอากาศแล้วใช้ทักษะด้านยิมนาสติก ตีลังกาหลายตลบ แล้วสามารถมารับคฑาได้อย่างไม่พลาด เรียกเสียงปรบมือ จากสาวๆ ที่มาคอยเชียร์อยู่เป็นร้อย พอเสร็จจากซ้อม ผมเองทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรในวงเลย จะคอยมาช่วยเก็บเครื่องดนตรี คอยช่วยขัด เครื่องเป่าไม่ว่าจะเป็น ทรัมเปต แซกโซโฟน ทรอมโบน ช่วยขัดหนังหน้ากลอง เช็คอุปกรณ์ต่างๆให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ ผมทำแบบนี้อยู่หลายเดือน จนวันหนึ่ง คุณครูที่คุมวง เดินมาหาผม....มันยังเป็นภาพ และเสียงที่ก้องอยู่ในใจผมตลอด และคิดว่า จะไม่มีวันลืมไปจนตาย อานนท์ ครูจะให้เธอตีกลองสะแน นับจนถึงวันนี้ผมยังไม่รู้เหตุผลเลยว่าผมเข้าไปร่วมเป็นสมาชิกของวงโยธวาทิต อันยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างไร หรือด้วยเหตุผลใด ที่คุณครูมาบอกผมเช่นนั้น.... พอถึงวันเปิดงานจริงนับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ผมได้คล้องกลองแต๊ก หรือ กลองสะแน อยู่แถวหน้าสุดของ วงโยธวาทิต เพราะตัวเล็กสุด แต่งตัวเต็มยศชุดสีแดง เดินแห่แหนนำขบวนนักกีฬาไปรอบเมือง มีคนมาคอยเชียร์ ปรบมือเรียงราย อยู่สองฟากฝั่งของถนน ราวกับผมเป็นวีระบุรุษ ที่ไปชนะศึกสงครามมา ยังไงยังงั้น ผมเดินอยู่หลังพี่เกื้อกูลไม่กี่เมตร พี่... ควงคฑานำหน้าวงโยธวาทิตอยู่ เป็นผู้คอยกำหนด จังหวะก้าวเดิน จังหวะหยุด หรือจังหวะรัวของกลอง นับเป็นความภาคภูมิใจ ครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆครับ
เวลาผ่านไปหลายปี ผมมาได้ข่าวว่า พี่เกื้อกูลไปเรียนจบด้านพละศึกษามาและได้เข้ารับใช้ชาติเป็น นักกีฬายิมนาสติกทีมชาติ ไปแข่งคว้าเหรียญมามากมาย จนผมมาพบพี่เกื้อกูล อีกที มาปรากฏอยู่หน้าจอ โทรทัศน์ไอทีวี ในฐานะผู้ประกาศ ข่าวกีฬา เกื้อกูล นุชตเวช .... พี่ดูจะพูดจาฉะฉานขึ้น ยิ้มสวย หล่อเหลามากว่าตอนเราอยู่ในวงโยธวาทิตด้วยกัน ผมมีโอกาสได้เจอพี่เกื้อกูล อีกหลายครั้ง เมื่อผมไปแข่งกีฬา แล้วเจอพี่เกื้อกูล เป็นพิธีกร ถ่ายทอดสด เราได้คุยกันทุกครั้ง ครั้งหลังสุด น่าจะเป็นงานวิ่งวันแม่ ปีที่ผ่านมานี่เอง ที่หอประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ พี่เกื้อกูล ยังทักทายผม ยกนิ้วโป้ง ให้ผม เป็นนัยว่า นายแน่มาก วันนี้ผมถือวิสาสะเอารูปพี่เกื้อกูล มาลงให้ผู้อ่านของผมได้รู้จัก แล้วอยากฝากบอกไปถึงพี่เกื้อกูล ด้วยว่า พี่เป็นฮีโร่ และเป็นแม่แบบที่ดีมากของผม ในเรื่องของการเล่นกีฬา ความเป็นนักกีฬา และ ความเป็นลูกผู้ชาย เป็น จะเด็ด ตัวจริงในชีวิตของผม ( ไม่ได้แซวว่าพี่เจ้าชู้เหมือน จะเด็ด หน่า )
ด้วยความปรารถนาดี ~ ด็อกเตอร์แซน ~ 7 เมษายน 2549
|