สารช่วยให้ผิวขาว (4.14/7)
|
|
|
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนและแสงแดดจัด ความรุนแรงของแสงแดดและความร้อน นี้เองที่พบว่าเป็นสาเหตุหลักอันหนึ่ง ที่ทำให้เกิดปัญหาความบกพร่องอย่างมากของผิวพรรณคนไทย ตัวอย่างของปัญหาผิวพรรณที่มีสาเหตุจากแสงแดด ได้แก่ ปัญหาฝ้า กระ รอยด่างดำ รอยหมองคล้ำ โดยเฉพาะบนใบหน้า และพบว่ากลุ่มคนไทยที่ต้องสัมผัสแสงแดดอยู่บ่อยๆ นั้นก็จะยิ่งทำให้ปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าวมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
ฝ้า กระ รอยด่างดำ รอยหมองคล้ำ นี้ถือเป็นปัญหาของความสวยงามที่สำคัญยิ่งสำหรับผู้หญิงไทยจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวนั้น มีสาเหตุร่วมกันอย่างหนึ่ง คือ การถูกกระตุ้นโดยแสงแดด และแสงอุลตร้าไวโอเลต (ยูวี) จะมีผลกระตุ้นให้เซลล์ ที่ชื่อ เมลาโนไซต์ (Melanocytes) ซึ่งอยู่ที่ชั้นล่างผิวหนังกำพร้า(Epidermis) ให้มีการสร้างสารเม็ดสีที่มีชื่อว่า เมลานิน (Melanin) ที่ผิวหนังชั้นดังกล่าวมากขึ้น กระบวนการในการสร้างเม็ดสีนี้ ถือเป็นกลไกอัตโนมัติของร่างกายที่เกิดขึ้นเพื่อปกป้องเซลล์ผิวหนัง จากการถูกทำลายด้วยแสงแดด แสงยูวี สารเมลานินที่เพิ่มมากขึ้นนี้ก็จะทำให้สีผิวของเราเข้มขึ้นนั่นเอง แต่เนื่องจากผิวพรรณของเรามีลักษณะที่ไม่เรียบเสมอกันทั้งหมด ดังนั้นโอกาสที่ผิวพรรณแต่ละส่วนจะสัมผัสแสงจึงไม่เท่ากัน ส่วนที่สัมผัสมากกว่าก็จะมีการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีมากกว่า หรืดเกิดสีผิวที่คล้ำขึ้นกว่านั่นเองและบริเวณใดมีสีคล้ำมากกว่าบริเวณอื่นม ากๆ ก็จะทำให้เป็นรอยด่างดำ รอยหมองคล้ำ หากรอยดำดังกล่าวรวมตัวเป็นกลุ่มบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะข้างแก้ม จมูก คาง และหน้าผากจะเกิดเป็นฝ้า (Bremish) หรือ กระ(Spot) แต่อย่างไรก็ตามสาเหตุในการเกิดฝ้า กระ หรือรอยด่างดำนั้น ในปัจจุบันพบว่า ไม่ได้มีสาเหตุมาจากแสงแดดหรือยูวี เท่านั้น แต่ความบกพร่องของผิวพรรณเหล่านี้ ยังมีสาเหตุมาจากสิ่งอื่น ๆ อีกมากมายเช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอย่างผิดปกติในร่างกาย การรับประทานอาหาร ยาเม็ดคุมกำเนิด การรับประทานยาบางชนิด ความเครียด การสัมผัสกับมลพิษ และการมีสารพิษหรืออนุมูลอิสระ(Free Radicals) ตกค้างในร่างกายมากเกินไป ดังนั้นการหลีกเลี่ยงจากปัญหาฝ้า กระ รอยด่างดำ โดยเพียงแต่ป้องกันผิวจากแสงแดดนั้นก็อาจจะไม่ได้ผลดี หรืออาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ทั้งหมด แต่เดิมนั้นหลายคนมีความเข้าใจว่า การแก้ไขปัญหา ฝ้า กระ รอยด่างดำ ดังกล่าวสามารถทำได้โดยการรักษาด้วยยาหรือใช้เวชสำอางที่มีส่วนประกอบคล้ายคลึงกับยา ซึ่งบางครั้งอาจมีอันตรายและผลข้างเคียง (Side Effect) สูงเช่น สารเคมีชนิดที่เรารู้จักกันดีที่มีชื่อว่า ไฮโดรควิโนน(Hydroquinone) ซึ่งปัจจุบันสารชนิดนี้ได้ถูกห้ามใช้เป็นส่วนประกอบเครื่องสำอางสำหรับฝ้า โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ของไทย เนื่องจากมีอันตรายสูง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในขณะเดียวกันได้มีการค้นคว้าวิจัยเพื่อหาสารอื่นๆ ที่มีความปลอดภัยว่าเพื่อนำมาใช้แก้ไขปัญหาผิวพรรณเหล่านี้ พบว่าสารที่ได้จากธรรมชาติโดยเฉพาะจากพืชและสมุนไพรชนิดต่าง ๆ นั้น บางชนิดให้ผลดีและมีความปลอดภัยกว่าการใช้ไฮโดรควิโนนต่อผิวพรรณ
สารอาร์บูติน (Arbutin) และสารสกัดที่ได้จากรากของพืชชื่อ ราธานี (Rathany) เป็นสารสกัดจากพืชธรรมชาติที่ได้ทำการศึกษาวิจัยแล้วพบว่าให้ผลในการฟื้นฟูส ภาพผิวพรรณที่มีปัญหาดังกล่าวเหล่านี้ได้ โดยการทำงานร่วมกันจะสามารถช่วยป้องกันแสงแดด และบำบัดปัญหาของผิวพรรณที่เกิดจากการกระตุ้นจากแสงแดด และแสงยูวี ไปพร้อมกัน
กลไกการทำงานของสารสกัดธรรมชาติ
จากที่กล่าวข้างต้น ปัญหา ฝ้า กระ รอยด่างดำ รอยหมองคล้ำ จำเป็นต้องมีการป้องกันแสงแดด ควบคู่กับการแก้ไขสาเหตุอันเกี่ยวเนื่อง จึงจะได้ผลดีและการช่วยฟื้นฟูสภาพผิวไปพร้อมกัน ก็จะยิ่งทำให้สภาพผิวพรรณที่สวยงามตามธรรมชาติกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็วและส มบูรณ์ขึ้น
อาร์บูติน (Arbutin) เป็นสารสกัดจากส่วนที่โผล่พ้นดิน (Aerial Part) ของพืชในตระกูลเบอร์รี่ที่ชื่อ แบร์เบอร์รี่ (Bearberry) จากการศึกษาพบว่าสารสกัดจากแบร์เบอร์รี่นี้จะ มีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ ไทโรซิเนส (Tyrosinase enayme) ซึ่งเป็น เอนไซม์ที่มีหน้าที่เปลี่ยนสารตั้งต้น ไทโรซีน(Tyrosine) ให้กลายเป็นเม็ดสีหรือเมลานิน(Melanin) ซึ่งถ้ากระบวนการนี้เกิดขึ้นแบบผิดปกติและมากเกินไปจะทำให้เกิดฝ้า กระ รอยหมองคล้ำได้ ดังนั้นการยับยั้งกระบวนการที่ผิดปกตินี้จะช่วยบำบัดปัญหาของฝ้า กระ รอยด่างดำ รอยหมองคล้ำได้
สารสกัดจากรากต้นราธานี (Rathany Root Extract) ต้นราธานี นี้เป็นพืชพื้นเมืองแถบอเมริกาใต้ เมื่อนำส่วนของรากมาสกัดเป็นสารสกัดบริสุทธิ์ พบว่าให้ผลในการช่วยป้องกันแสงแดด ทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น ด้วยกลไกนี้เองจึงให้ผลในการช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานินที่เกิดจากการกระตุ ้นจากแสงอีกทางหนึ่งด้วย
สารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผิวพรรณที่มีปัญหา ฝ้า กระ รอยด่างดำ สารสำคัญดังกล่าวได้แก่
1.สารสกัดอาร์บูตินบริสุทธิ์ (Arbutin) จากพืชแบร์เบอร์รี่ ที่ให้ผลในการลดการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติใต้ผิวหนังโดยการยับยั้งการทำงานขอ งเอ็นไซม์ ไทโรซิเนส(Tyrosinase) จึงทำให้มีผิวขาวขึ้นและคืนสู่สภาพปกติ
2.สารสกัดจากรากต้นราธานี ที่ให้ผลในการช่วยป้องกันแสงแดด แสงยูวี และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
3.ไลโป-โปรตีน(Lipo-protein) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมสมดุลความเป็นกรด-ด่าง(pH) ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันผิว ทั้งยังป้องกันการทำลายเซลล์ผิวจากผลของอนุมูลอิสระ(Anti-oxidant Properties) ฟื้นฟูสภาพผิวให้อยู่ในสภาวะปกติและลบริ้วรอยบนผิวอีกด้วย
4.วิตามินอี ธรรมชาติ (dl-x-tocopherylacetate) ซึ่งให้ผลในการช่วยสร้างความสมดุลของความชุ่มชื้นบนผิวทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น นุ่มนวลและทำหน้าที่เป็นสารต้านการทำลายเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยเส ริมฤทธิ์ในการฟื้นฟูสภาพผิวของไลโป-โปรตีนอีกด้วย(Synergistic effect) จึงมีผลให้รอยดำของแผลเป็นค่อยๆจางลงอีกด้วย
5.สารสกัดจากว่านหางจรเข้(Aloe vera gel) ที่ให้ผลในการสร้างความชุ่มชื้นนุ่มนวลและสมานผิวให้อยู่ในสภาวะปกติและลดอา การระคายเคืองบนผิว บทความนี้นำมาจาก http://www.DoctorSan.com |
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
pop! - อ่านมากกว่า 5,000 ครั้ง cool! - อ่านมากกว่า 10,000 ครั้ง Too Hot! - อ่านมากกว่า 30,000 ครั้ง