|
สาเหตุของ ผมร่วง ผมบาง (4/4)
|
|
|
ผมร่วง ผมบาง เกิดจากอะไร ?
ผมร่วง (Alopecia) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะชายชาวตะวันตก เกือบทุกคนจะผมบางเมื่ออายุมากขึ้น นำมาซึ่งการขาดความมั่นใจ และต้องการการรักษา บ่อยครั้งที่เราจะเห็นโฆษณาการรักษาศีรษะล้าน หรือผมร่วงอยู่มากมาย สาเหตุของผมร่วง ศีรษะล้าน ที่เป็นเรื้อรัง กว่าร้อยละ 80 อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า Androgenetic alopecia คือเกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) และพันธุกรรม (Genetic) ร่วมกัน พบว่าผู้ที่มีศีรษะล้านชนิดนี้ จะสังเกตมีผมร่วงเรื้อรัง ผมจะบางลงทางด้านหน้า บริเวณใกล้ขมับ เข้าไป และต่อมาจะเริ่มบางลง บางรายอาจมีบริเวณกลางศีรษะบางร่วมด้วย ลักษณะนี้จะพบในเพศชาย ส่วนเพศหญิงมักมีแต่ผมบางทั่ว ๆ ไปหรือกลางศีรษะเท่านั้น ไม่มีผมบางบริเวณด้านหน้า เชื่อว่า ฮอร์โมนเพศชายอาจเป็นส่วนสำคัญในภาวะนี้ เนื่องจากพบในผู้ชายได้บ่อยกว่าหญิงมาก โดยเฉพาะชายชาวตะวันตก กว่าร้อยละ 80 จะมีผมบางแบบนี้เมื่ออายุมากขึ้น นอกจากนี้มักมีประวัติ ผมบางในพ่อ-แม่ หรือปู่ย่าตายาย
สาเหตุอื่นของผมร่วง พบได้น้อยเช่น ผมร่วงเป็นหย่อม ซึ่งมักขึ้นได้เอง, ผมร่วงที่เกิดภายหลังคลอด หรือเจ็บป่วยหนัก, ผมร่วงที่เกิดจากการได้รับยาเคมีบำบัดหรือฉายแสง, ผมร่วงที่พบในผู้ป่วย เอส แอล อี เป็นต้น ซึ่งต้องการการรักษาตามแต่สาเหตุ
ยารักษาผมร่วง ผมบาง
ในปัจจุบัน ยาที่ใช้รักษาผมร่วงหรือผมบางที่เกิดจาก androgenetic alopecia ที่มีการศึกษาและได้ผลจริง และเป็นที่ยอมรับทางการแพทย์ มีเพียง 2 ชนิด ได้แก่ยา Minoxidil และยา Fenasteride ส่วนยาอื่น, สมุนไพร, ยาที่โฆษณากันทั่วไปที่มิใช่ยา 2 ชนิดนี้ ไม่เคยได้รับการพิสูจน์ว่าได้ผลจริง
Minoxidil มีคนบอกว่าเป็นยาลดความดัน, บางคนใช้ทา บางคนใช้กิน
Minoxidil เป็นยาที่เดิมผลิตขึ้นมาเพื่อใช้เป็นยาลดความดันเลือด แต่พบว่าผู้ป่วยความดันเลือดสูงที่กินยานี้ มีผลข้างเคียงอย่างหนึ่งคือ มีขนขึ้นตามที่ต่าง ๆ ของร่างกาย มากกว่าปกติ จึงมีการศึกษาเพื่อนำยานี้มาใช้รักษาผมร่วง
กลไกการออกฤทธิ์ของยาไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่าทำให้เส้นผมที่เล็กลง กลับคงตัวอยู่ได้ และมีอายุยืนยาวขึ้น ผลนี้จะอยู่ตราบเท่าที่ได้รับยา เมื่อหยุดยาผลนี้จะหายไป
ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้มากินเพื่อรักษาผมร่วงเป็นอันขาด เนื่องจากมีผลข้างเคียงมาก ทำให้ความดันเลือดตก ยาที่นำมาใช้นั้น อยู่ในรูปของยาทาหนังศีรษะ ซึ่งไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ บางรายอาจมีหนังศีรษะแห้งได้ การรักษาในผู้ที่ผมบาง พบว่าจะเห็นผลเมื่อใช้ไปอย่างน้อย 3-6 เดือน และมีผู้ตอบสนองราว 1 ใน 3, ไม่เกินร้อยละ 40
Fenasteride ความหวังใหม่ของการรักษาผมร่วง
ที่เป็นข่าวโด่งดังมาก คือยา Fenasteride ตัวนี้เอง ถึงกับมีผู้แอบเอายาจากต่างประเทศมาขาย ทั้ง ๆ ที่เมืองไทยยังไม่มีขนาดยาที่ใช้รักษาผมร่วง เข้ามาจำหน่าย
อันที่จริงแล้ว ยานี้มีขายในเมืองไทยนานแล้ว เดิมผลิตขึ้นมาเพื่อใช้รักษาภาวะต่อมลูกหมากโต ในผู้สูงอายุ โดยฤทธิ์ของยาจะต้านการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศชายได้ ทำให้ต่อมลูกหมากฝ่อลง
และฤทธิ์อันนี้เอง ที่นำมาใช้รักษาผมร่วงที่เกิดจาก Androgenetic alopecia โดยทำการศึกษาก็พบว่าได้ผลจริง โดยใช้ขนาดยาวันละ 1 มก. กินวันละครั้ง ซึ่งจะเห็นผลเมื่อใช้ไปอย่างน้อย 3-6 เดือนเช่นกัน ผลนี้จะอยู่ตราบเท่าที่ใช้ยา เมื่อหยุดใช้ยานี้ ผลจะหายไป มีผู้ตอบสนองต่อยานี้ราว 1 ใน 3 เช่นกัน
ผลข้างเคียงที่สำคัญของยานี้ ได้แก่ ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ พบได้ราวร้อยละ 3 ของผู้ใช้ยา และหายไปได้เมื่อหยุดยา นอกจากนี้ยังห้ามใช้ยานี้ในผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจทำให้มีความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้
จะเลือกใช้ยาอะไรดี และมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
ถ้าจะใช้ยารักษาจริง ๆ แล้ว มีข้อควรคำนึงดังนี้
การรักษาจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
อย่าคาดหวังว่าใช้ยาแล้ว จะกลับมาทำให้ผมดกดำได้อย่างเดิม ยาที่ใช้ ไม่ได้ทำให้ผมกลับมาขึ้นมากกว่าเดิมมากนัก และไม่กลับไปมีผมดกได้อย่างเดิม เพียงแต่ช่วยหยุดภาวะผมร่วงและอาจมีผมขึ้นใหม่ได้เล็กน้อย
การใช้ยา จะเห็นผลเมื่อเวลาผ่านไป 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย และต้องใช้ยาไปติดต่อกัน
มีผู้ที่ใช้เพียง 1 ใน 3 ที่ได้ผล อีก 2 ใน 3 ไม่ได้ผล
ในผู้ที่ใช้ยานี้แล้วได้ผลดี จำเป็นต้องใช้ติดต่อกันไปเรื่อย ๆ เพราะถ้าหยุดใช้ยา ผมจะร่วงเหมือนเดิม
ยาที่มีใช้ในปัจจุบัน ยังมีราคาแพง (ยา Minoxidil ราคาประมาณขวดละ 700-800 บาท ใช้ได้ 1/2 ถึง 1 เดือน ส่วนการใช้ Fenasteride เสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 1000-1800 บาท
แนะนำให้ใช้ยา Minoxidil ก่อน เนื่องจากเป็นชนิดทาหนังศีรษะ ผลข้างเคียงน้อยและไม่อันตราย ส่วนผู้ที่ใช้ Minoxidil แล้วไม่ได้ผลหรือได้ผลไม่ดี จำเป็นต้องใช้ยา Fenasteride ขณะนี้ยาขนาดเม็ดละ 1 มก. ยังไม่มีจำหน่ายในเมืองไทย แพทย์บางท่านอาจใช้ Fenasteride ที่รักษาต่อมลูกหมากโต ขนาดเม็ดละ 5 มก. มาแบ่งครึ่งเม็ด กินวันเว้นวันก็ได้ครับ ส่วนผลข้างเคียงและข้อห้ามดังที่บอกไปแล้วครับ ต้องการอ่านเพิ่มเติมเชิญที่ http://www.DoctorSan.com
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
pop! - อ่านมากกว่า 5,000 ครั้ง cool! - อ่านมากกว่า 10,000 ครั้ง Too Hot! - อ่านมากกว่า 30,000 ครั้ง
|
|